ปี ค.ศ. 2053 ประชากรโลกหนึ่งหมื่นล้านคน





ปี ค.ศ. 2053 หรืออีก 37 ปี พวกเราจะมีเพื่อนร่วมโลกเพิ่มอีกประมาณ 2.6 พันล้านคน ถึงเวลานั้นประชากรโลกจะมีประมาณหนึ่งหมื่นล้านคน ประมาณครึ่งหนึ่งอยู่ในทวีปเอเซีย แต่จีนซึ่งเวลานี้มีประชากรมากที่สุดในโลกจะมีประชากรลดลง 34.1 ล้านคน


Population Reference Bureau (PRB) เปิดเผยว่าในปึ ค.ศ. 2050 ประชากรโลกจะแตะ 9.9 พันล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณ 33% เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรโลกปัจจุบันที่มีประมาณ 7.4 พันล้านคน และเมื่อถึงปี ค.ศ. 2053 ประชากรโลกจะมีประมาณหนึ่งหมื่นล้านคน

ในปึ ค.ศ. 2050 ทวีปเอเซียจะมีประชากรประมาณ 5.3 พันล้านคนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 900 ล้านคน, ทวีปอาฟริกาจะมีประชากร 2.5 พันล้านคน เพิ่มจากปัจจุบัน 2 เท่า, ทวีปอเมริกา (เหนือและใต้) 1.2 พันล้านคนเพิ่มขึ้น 223 ล้านคน, พื้นที่ Oceania (รวมออสเตรเลียและนิวซีแลนด์)  จะมีประชากร 66 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26 ล้านคน, แต่ทวีปยุโรปจะมีประชากร 728 ล้านคนลดลง 12 ล้านคนจากปัจจุบันที่มีอยู่ 740 ล้านคน

Population Reference Bureau  ยังเปิดเผยข้อมูล น่าสนใจอื่นๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2050 
  • จะมีประเทศด้อยพัฒนา 48 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปอาฟริกา ซึ่งมีประชากรรวมประมาณ 1.9 พันล้านคน
  • จะมี 29 ประเทศที่มีประชากรเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 2 เท่า ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปอาฟริก และประเทศ Niger จะมีประชากรเพิ่มขึ้น 3 เท่า
  • จะมี 42 ประเทศที่ประชากรลดลง กระจายอยู่ทั้งในทวีปเอเซีย, อเมริกาใต้ และยุโรป  ประเทศจีนจะมีประชากรลดลงมากที่สุดประมาณ 34.1 ล้านคน แต่ถ้าคิดตามอัตราส่วน ประเทศโรมาเนียจะลด มากที่สุดจาก 20 ล้านคนในปัจจุบันเหลือประมาณ 14 ล้านคนในปี ค.ศ.2050
  • สหรัฐอเมริกาจะมีประชากร 398 ล้านคน เพิ่มขึ้น 23% จากปัจจุบัน 324 ล้านคน


ข้อมูลประชากรโลกที่น่าสนใจ ณ เวลาปัจจุบัน (ค.ศ. 2016)
  • ประชากรมากกว่า 25% มีอายุน้อยกว่า 15 ปี แต่ในประเทศพัฒนาแล้วมีประชากรอายุน้อยกว่า 15 ปีประมาณ 16% 
  • มากกว่า 25% ของประชากรญี่ปุ่นอายุมากกว่า 65 ปี ในขณะที่ Qatar และ United Arab Emirates มีประชากรอายุมากกว่า 65 ปี ประมาณ 1% เท่านั้น
  • หญิงชาวอาฟริกันมีจำนวนบูตรโดยเฉลี่ย 6 คน ในขณะที่ยุโรปจำนวนบุตรโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.6  ส่วนสหรัฐอเมริกาจำนวนบุตรโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.8
  • มี 33 ประเทศในยุโรปและเอเซีย ที่จำนวนผู้สูงอายุเกิน 65 ปี  มากกว่าจำนวนเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี

ปี ค.ศ. 2053 โลกของเราคงแออัดน่าดู พวกเราส่วนใหญ่คงจะได้สัมผัสบรรยากาศในเวลานั้น ส่วนผมถึงตอนนั้นคงใกล้ 90 เต็มทีคงไม่น่าจะอยู่ถึงครับ

ที่มา: National Geographic


Post a Comment

0 Comments