ค.ศ. 2019 เป็นปีที่โลกร้อนเป็นอันดับที่สองเท่าที่เคยมีการเก็บข้อมูลมา

ค.ศ. 2019 เป็นปีที่โลกร้อนเป็นอันดับที่สองเท่าที่เคยมีการเก็บข้อมูลมา โดยโลกร้อนที่สุดในปี ค.ศ. 2016 ซึ่งในปีนั้นโลกอยู่ในสภาวะเอลนีโญ (El Nino)



ข้อมูลจาก Copernicus Climate Change Service (C3S) ระบุว่า ปี ค.ศ. 2019 เป็นปีที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกร้อนที่สุดเป็นอันดับสองเท่าที่เคยมีการรวบรวมสถิติไว้ โดยน้อยกว่ากว่าปี ค.ศ. 2019 ซึ่งเป็นปีที่โลกร้อนที่สุดเพียง 0.04°C (ปี ค.ศ. 2016 โลกอยู่ในสภาวะ El Nino ซึ่งเพิ่มอุณหภูมิให้โลกโดยเฉลี่ย 0.12°C)



อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในปี ค.ศ. 2019 สูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยโลกระหว่างปี ค.ศ. 1981 ถึง ค.ศ. 2010 ประมาณ 0.6°C  และสูงกว่าก่อนการปฎิวัติอุตสาหกรรมประมาณ 1.1°C-1.2°C  นอกจากนี้ ปี ค.ศ. 2019 ยังเป็นปีที่ทวีปยุโรปร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกสถิติ เนื่องจากโดนคลื่นความร้อนโจมตี

Copernicus Climate Change Service (C3S) รายงานว่า ทศวรรษที่ผ่านมา (ค.ศ. 2010 - ค.ศ. 2019) อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยมีเพียง ค.ศ. 2011 และ ค.ศ. 2012 เท่านั้น ที่อุณหภูมิเฉลี่ยไม่ได้อยู่ใน 10 อันดับปีที่โลกร้อนที่สุด



ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในอากาศซึ่งมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับสภาวะโลกร้อนก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ข้อมูลระบุว่าปริมาณ CO2 สูงที่สุดในรอบ 8 แสนปี ส่งผลให้ UN เตือนว่าต้องมีการลดปริมาณ CO2 ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ลงปีละ 7.5 เปอร์เซ็นต์ต่อเนื่องจนถึงปี ค.ศ. 2030 จึงจะสามารถควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5°C



นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า อุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น จะทำให้เกิดหายนะทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นไฟป่า, น้ำท่วม ที่บ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น


ที่มา:  Dailymail




Post a Comment

0 Comments